แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ดอยเชียงราย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ดอยเชียงราย แสดงบทความทั้งหมด

คำไหว้บูชาพระบรมธาตุ ดอยตุง

วันนี้ยังเดินทางไปไหว้ที่พระธาตุจริงๆ ยังไม่ได้ ขออนุโมทนา บูชา พระธาตุดอยตุงผ่านหน้าเว้บก็แล้วกันครับ....
นโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
พิมพา ธะชัคคะ ปัพพะเต นะจุฬาธาตุ จิรงมะหาคะมานะ มามิหัง อะหัง วันทามิ สัพพะทา
.....สาธุ

ดอยวาวี-ดอยช้าง

ขึ้น “ดอยวาวี” รักกาแฟเสียดายชา ต้องเสน่ห์มนต์ตรา...ซากุระบาน กลางฤดูเหมันต์ สายลมหนาวพัดยะเยือก.. มีบ้างบางคนเมื่อลมหนาวมาเยือน จิตใจมักอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว ส่วนบางคนกลับรู้สึกหัวใจอบอุ่นพร้อมทั้งอยากเดินทางไปสัมผัสกับธรรมชาติอันหนาวเหน็บตามดอยสูง ภูสวย ....แม้จะยิ่งสูงยิ่งหนาว แต่ยิ่งสูงยิ่งหนาวถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของมนุษยชาติ แม้จะยิ่งสูงยิ่งท้าทาย แต่ความท้าทายในหลายพื้นที่มีความงดงามปรากฏอยู่ เฉกเช่นดัง “ดอยวาวี” ใน อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ที่นับเป็นหนึ่งในดอยที่มีบรรยากาศโรแมนติกไม่ใช่น้อย เพราะดอยแห่งนี้ยามหน้าหนาว ดอกซากุระจะพากันผลิดอกบานย้อมบริเวณที่ปลูกเป็นสีชมพูสดใส ดูเพลินใจ เพลินตา
ดอกซากุระที่นี่ไม่ใช่ดอกซากุระจากแดนอาทิตย์อุทัยหากแต่เป็นซากุระเมืองไทยหรือต้นนางพญาเสือโคร่งที่ยามคลี่กลีบแย้มบานพร่างพราวเต็มต้น ความงดงามไม่ได้เป็นรองซากุระจากแดนอาทิตย์อุทัยแต่อย่างใด ซากุระเมืองไทยเป็นพันธุ์ไม้ป่าตระกูลเดียวกับบ๊วย ท้อ พลัม เชอรี่ หรือ ซากุระ พบในที่สูง อากาศหนาวเย็นตามยอดดอยในภาคเหนืออย่าง เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน และน่าน ซึ่งปัจจุบันตามสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆ แห่งจะมีซากุระจะมีซากุระเป็นนางเอกชูโรงในหน้าหนาว อาทิ ดอยอ่างขาง ดอยแม่สลอง ดอยอินทนนท์ ขุนวาง แม่จอนหลวง

ตระการตา ซากุระบาน ว่ากันว่าดอยวาวีที่ตั้งอยู่บนทิวเขาอันสลับวับซ้อนแห่งเทือกเขาผีปันน้ำตะวันตกเป็นอาณาจักรแห่งซากุระ (ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย) เพราะมีการปลูกซากุระมากถึง 400,000 ต้นเลยทีเดียว สำหรับจุดชมความงามของซากุระที่ดอยวาวีนั้นอยู่ที่ศูนย์บริการวิชาการด้านพืชและปัจจัยการผลิตเชียงราย 2 (สถานีทดลองเกษตรที่สูงวาวี) บน “ดอยช้าง” เขาลูกหนึ่งแห่งดอยวาวี ที่มีรูปร่างเหมือนช้างสองแม่ลูก
สถานีฯ วาวีแห่งนี้ถึงแม้จะเดินทางขึ้นลำบากเพราะต้องนั่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อขึ้นไป แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าต่อการเดินทางยิ่งนัก เพราะในสถานีแห่งนี้ครบเครื่องทั้งเรื่อง “ชม” เรื่อง “ชิม” และเรื่อง “ช้อป” (เล็กๆ) ด้วย แถมยังเป็นแหล่งศึกษาดูงานท่องเที่ยวเชิงเกษตรอันสวยงามแห่งหนึ่งของเชียงราย ซึ่งก่อนที่จะไปชมสิ่งที่น่าสนใจภายในสถานีฯ แห่งนี้ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ขอเติมพลังด้วยการจิบกาแฟสดดอยช้าง (ฟรี) ซึ่งนี่คือ สุดยอดกาแฟคุณภาพ ของเมืองไทย เป็นกาแฟพันธุ์อาราบริก้าที่ให้กลิ่นหอมกรุ่นพร้อมด้วยรสชาติอันเข้มข้นถึงใจ
ใครที่เป็นคอกาแฟรสเข้มไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ส่วนใครที่ชิมกาแฟดอยช้างแล้วติดใจจะซื้อมาชงดื่มต่อที่บ้านก็เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง เพราะดื่มกาแฟขับรถ ตำรวจไม่จับแต่อย่างใด “ผู้จัดการท่องเที่ยว” หลังจุใจกับการเติมพลังกาแฟไล่ความง่วงแล้ว ต่อจากนั้นก็เป็นการเดินทอดน่องชมสิ่งสวยๆ งามๆ ในสถานีฯ วาวี ที่ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200-1,500 เมตร มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี อบอวลไปด้วยบรรยากาศอันสวยงามของแปลงไม้เมืองหนาว อาทิ ดอกกระดาษ ป๊อปปี้ พิทูเนีย ซัลเซีย บิโกเนีย ลำโพงขาว กุหลาบพันปี ฯลฯ อีกทั้งยังมีว่านสี่ทิศหลายสายพันธุ์ ทั้งสีแดง ชมพู ที่ออกดอกชูช่อไปทั่วทั้งแปลง ส่วนที่ถือเป็นไฮไลต์หรือนางเอกแห่งวาวีดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น ซึ่งหนึ่งปีบานเพียงครั้งเดียวในช่วงหน้านาวระหว่างเดือน ม.ค.-ก.พ. ก็คือ ซากุระเมืองไทย ที่หากไปถูกช่วงถูกเวลาแล้วเราจะพบดอกซากุระออกดอกชมพูสดใสบานสวยงามเต็มทั่วสถานีฯ ไปหมด ไม่เพียงแต่ดอกซากุระสีชมพูเท่านั้นแต่บนดอยช้างมีดอกซากุระสีขาวให้ชมอีกด้วย และถ้าใครไปถูกจังหวะเวลาก็จะได้ชิมและช้อปผลไม้เมืองหนาวอย่าง สตรอเบอร์รี่ ท้อ บ๊วย สาลี่ พลัม สดๆ ใหม่ๆ ที่เพิ่งเก็บจากต้น สำหรับบ๊วยนั้นถึงแม้จะเป็นผลไม้ชื่อไม่เพราะแต่ว่าไม่เพียงมีรสชาติยอดเยี่ยมเท่านั้น ดอกบ๊วยสีขาวที่บานสะพรั่งเต็มต้นช่วงหน้าหนาวนั้นก็สวยงามไม่เบา แถมยามมองไกลๆ ดอกบ๊วยจะดูคล้ายดอกซากุระขาวไม่น้อย (เป็นพืชตระกูลเดียวกัน) จนหลายๆ คนเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าดอกบ๊วยเป็นดอกซากุระขาวไป
นอกจากไม้เมืองหนาวสวยๆ งามๆ แล้วในสถานีฯ วาวี ยังมีพุทธอุทยาน อันเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสมเด็จพระพุทธสิกชี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่สถานีฯ ท่ามกลางสวนไผ่และพันธุ์ไม้ป่าที่ร่มรื่นแต่แฝงไว้ด้วยความขรึมขลังเปี่ยมศรัทธา กลางพุทธอุทยานมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 9 แห่ง ที่นำไปทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาฯ ซึ่งมีน้ำใสสะอาดไหลเย็นฉ่ำทั้งปีไม่เคยเหือดแห้ง หลายๆคนนิยมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์มาล้างหน้าล้างตาดื่มกินเพื่อเสริมสิริมงคลให้แก่ชีวิต จุดน่าสนใจบนดอยช้างยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะจากพุทธอุทยานขึ้นเขาไปอีกราว 2 กม. ก็จะเป็นจุดชมวิวบนยอดดอยช้างบนระดับความสูงประมาณ 1,700 เมตร “ผู้จัดการท่องเที่ยว” เมื่อขึ้นมาพานพบก็รู้สึกผูกพันทันทีเพราะเสน่ห์ของภูมิทัศน์บนจุดชมวิวดอยช้างช่างสวยงามนัก งามทั้งสวนประดับที่มีไม้เมืองหนาวขึ้นเรียงรายเสริมแต่งองค์ประกอบให้กันอย่างลงตัว งามทั้งทิวทัศน์ของทะเลภูเขาอันสลับซับซ้อนมองเห็นทั้งเชียงราย เชียงใหม่ และเมืองยอนของพม่า ยิ่งยามที่อาทิตย์อัศดง (ในวันที่ท้องฟ้าเป็นใจ) บนดอยช้างนี่ยิ่งดูงดงามจับใจ เพราะมีทั้งมุมกว้างของทะเลภูเขาหรือมุมที่มีฉากหน้าของต้นไม้สวยๆ งามๆ ให้เลือกถ่ายรูปกันเต็มใจชอบ
....ดวงตะวันแม้จะจับไม่ได้ไปไม่ถึง แต่ก็สามารถเก็บไว้ในภาพถ่าย ภาพเขียน และเก็บไว้ในความทรงจำได้...

ยลวิถีชนเผ่าเคล้าชารสเลิศ บนดอยวาวียังมีความเป็นเอกอุอีกอย่างหนึ่งที่ชวนให้ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” หลงใหล หลงรส นั่นก็คือ เสน่ห์แห่ง “ชา” ที่ชาวบ้านบนดอยวาวีปลูกกันเป็นอาชีพหลักอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เพราะที่มีมีชาวจีนฮ่อหรือจีนยูนนานมาอาศัยอยู่ยุคเดียวกันกับกองพล 93 ที่ดอยแม่สลอง (ที่ขึ้นชื่อเรื่องชาเช่นกัน) ส่งผลให้ดอยวาวีนิยมปลูกชากันมาก ชาบนดอยวาวีมีทั้งชาพันธุ์พื้นเมืองสายพันธุ์ “อัสสัม” ชาสายพันธุ์ไต้หวันอย่างชิงชิง เบอร์ 12, 13 และ ชา “อู่หลง” ที่มีความโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง เพราะดอยวาวีถือเป็นแหล่งปลูกชาอู่หลงแห่งแรกของเมืองไทย เครดิตนี้ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ขอยกให้กับ ลุงพังโก : พินิจ พิทักษ์วารี ชายอายุ 60 กว่าๆ ผู้ที่ติดใจในรสชาติชาอู่หลงจนถึงขนาดแอบลักลอบนำต้นชาอู่พันธุ์ดีหลงเข้ามาปลูกในเมืองไทย เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว และลองผิดลองถูกอยู่ 8 ปี จนปัจจุบันได้พัฒนาเป็นชาอู่หลงแบบไทยๆ ที่รสชาติยอดเยี่ยมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอู่หลงของไต้หวันแถมยังส่งไปตีตลาดที่ไต้หวันอีกด้วย
แม้ไม่ใช่ผู้พิศมัยชาในระดับแฟนพันธุ์แท้ แต่เมื่อเราได้ลิ้มลองชาอู่หลงก้านอ่อนบนดอยวาวีแล้ว บอกได้คำเดียวว่า “ยอดเยี่ยมนัก” เพราะกลิ่นชาหอมกรุ่น ส่วนรสชาติก็กลมกล่อมละมุนละไม แถมยังได้สาวๆ ชาวจีนฮ่อหน้าตาจิ้มลิ้มมาชงชาและสอนวิธีดื่มชาให้อีก ก็ยิ่งให้ชาที่ดื่มมีรสหวานหอมเป็นพิเศษ จนเราอดไม่ได้ต้องซื้อติดมือกลับมาชงดื่มต่อที่กรุงเทพฯ ทั้งๆ ที่เป็นคนพิศมัยการดื่มสุรามากกว่าการดื่มชา
นอกจากจะมีชาให้ชิมให้ช้อป (หาซื้อหาชิมได้ตามร้านขายชาทั่วไป) แล้วดอยวาวียังมีชาให้ชมอีกด้วยซึ่งนอกจากไร่ชาที่ชาวบ้านปลูกเรียงรายลดหลั่นไปตามไหล่เขาแล้ว ดอยวาวี ยังมีต้น “ชาพันปี” ที่บ้านใหม่พัฒนาเป็นหนึ่งในจุดสนใจทางการท่องเที่ยว ชาพันปีต้นนี้วัดเส้นรอบวงบริเวณโคนต้นได้ 150 ซม. สูงถึง 20 เมตร เป็นชาสายพันธุ์อัสสัมที่ขึ้นเองตามธรรมชาติบนดอยวาวีมาช้านานแล้ว ชาวบ้านนิยมนำใบมาทำ ”เมี่ยง” กินให้ความกระชุ่มกระชวย บนดอยวาวียังไม่หมดของดีเพียงเท่านี้ เพราะการที่ดอยแห่งนี้มีชนเผ่าอาศัยอยู่ถึง 13 เผ่า อาทิ อาข่า (มีอยู่เอยะที่สุด) มูเซอ ลีซอ เย้า กะเหรี่ยง จีนฮ่อ และเผ่าอื่นๆ ก็ทำให้ดอยแห่งนี้มีวัฒนธรรมและประเพณีการแต่งกาย บ้านเรือน และภาษา ของแต่ละชนเผ่าที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป แต่ว่าทุกคนบนดอยวาวีต่างก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขท่ามกลางขุนเขาและธรรมชาติที่โอบล้อม
สำหรับหาวนี้ หนาวหน้า หรือช่วงเวลาไหนๆ อยากไปเที่ยวชมดอยวาวีก็สามารถหาเวลาเดินทางไปกันได้แม้ดอยวาวีจะอยู่บนพื้นที่ยิ่งสูงยิ่งหนาว แต่ว่าก็เป็นความสูงและความหนาวที่มากไปด้วยเสน่ห์อันชวนหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง ดอยวาวี ตั้งอยู่ใน อ.แม่สรวย จ.เชียงราย จากตัวเมืองเชียงราย ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (เชียงราย-พะเยา) ประมาณ 22 กม. จะถึงทางแยกไปอำเภอแม่สรวย ให้เลี้ยวขวาและเดินทางต่อไปตามถนนหมายเลข 118 (เชียงราย-เชียงใหม่) อีกประมาณ 30 กม. ก็จะถึงสามแยกบ้านตีนดอย ที่เป็นเส้นทางขึ้นไปเที่ยวตามจุดต่างๆ บนดอยวาวี ซึ่งเส้นทางท่องเที่ยวบางแห่งเป็นถนนลูกรัง คดเคี้ยวและสูงชัน ต้องนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อขึ้นไป (ควรสอบถามเส้นทางก่อน) หน้าหนาวนี้ (2550) เจ้าหน้าที่สถานีฯ วาวี บอกว่าดอกซากุระจะบานระหว่างวันที่ 15 ม.ค. – 15 ก.พ. (บวก-ลบ 1 สัปดาห์)
แหล่งข่าว: หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ประจำวันศุกร์ ที่ 12 มกราคม 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 5023 (5021) หน้า 38 คอลัมน์ ผู้จัดการท่องเที่ยว สถานที่ติดต่อ :: อบต.วาวี โทร. 053-605950, สมาคมท่องเที่ยวเชียงราย โทร. 053-601299, 053-715690 และสถานีฯ เกษตรวาวี โทร. 053-605932, 053-605934